พ่อ…วีรบุรุษของฉัน


พ่อ…..คือชายชาติทหาร  เป็นนักดิ่งพสุธา

พ่อ…..เสียขาข้างขวาไปตั้งแต่ยังไม่มีฉัน  ยังไม่เจอกับแม่เสียด้วยซ้ำ…พ่อเหยียบสะเก็ดระเบิด  จากการรบในสงครามเวียดนาม   คราแรกอาจไม่ต้องถึงขนาดตัดขา  แต่ด้วยสมัยนั้นหมอที่ชำนาญการยังมีไม่มาก  พ่อต้องไปนอนรอหมอหลายวันจนแผลจากการโดนระเบิดนั้นเริ่มเน่าลุกลามขยายวงกว้างออกไปจนกัดกินลึกถึงกระดูก  นั่นเป็นเหตุที่พ่อต้อง “ตัดขาทิ้ง”

พ่อ…..ไม่เคยย่อท้อต่อชะตาชีวิตที่ผกผัน  พ่อเข้มแข็งเสมอ  พ่อไม่เคยแสดงความอ่อนแออันใดให้ใครเห็น   เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ยิ่งใหญ่

พ่อ…..ชอบร้องเพลง  เล่นดนตรีสนุกสนานกับพี่ๆน้องๆและเพื่อนฝูง

พ่อ…..เป็นช่างซ่อมฝีมือเยี่ยมทีเดียว  เป็นช่างไฟ  ช่างไม้ฝีมือดีละเอียดละออ  บางทีพ่อก็ทำตู้เสื้อผ้าเองเสียด้วย  โดยมีลูกมือคือแม่และฉัน

พ่อ…..เป็นคนที่ตั้งชื่อให้ฉัน “แคทลียา” ฉันไม่ชอบเลยเพราะมักโดนเพื่อนๆล้อว่าเป็นฝรั่งเหรอ ลูกครึ่งเหรอ  ฉันร้องไห้กลับบ้านมาถามพ่อเรื่องชื่อ  พ่อยิ้มด้วยความรัก เมตตาปนไปด้วยอารมณ์ขันแล้วตอบฉันว่า  “พ่อตั้งชื่อนี้ให้  ไม่ใช่เพราะว่าเป็นฝรั่ง  แต่พ่อตั้งเพราะนั่นเป็นชื่อของดอกกล้วยไม้ต่างหากล่ะ  ดอกแคทลียา

พ่อ…..มักเรียกแบบหยอกล้อฉันตอนเด็กๆอยู่บ่อยๆว่า “แก้มบุ๋ม” หรือ “แก้มบิ๋ม” ฉันถามพ่อว่าทำไมต้องเรียกแบบนั้น พ่อตอบว่า “จุ๊บแจงมีลักยิ้มสองข้าง  แก้มข้างขวาบุ๋มมากกว่าเรียกว่า แก้มบุ๋ม ส่วนแก้มซ้ายบุ๋มน้อยกว่าเรียกว่า แก้มบิ๋ม”

พ่อ…..สอนฉันในหลายๆสิ่งหลายๆอย่างในชีวิต  ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย  ไปจนถึงเรื่องใหญ่

พ่อ…..เป็นเพื่อนเล่นหมากฮอร์สกับฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันเรียกร้อง  แต่ฉันไม่เคยชนะพ่อเลย  พ่อก็จะล้อว่า “ชนะพ่อมั่งสิ”

พ่อ…..สอนให้เข้มแข็ง  อย่าขี้แย  เวลาที่เห็นฉันโดนรังแกวิ่งน้ำตาอาบแก้มมาทุกครั้ง  พ่อจะบอกว่า “หยุดร้องเถอะลูก อย่าเป็นเด็กขี้แย  อย่าเป็นคนอ่อนแอ จงเป็นคนสู้ เข้มแข็ง”

พ่อ…..มักจะสอนเรื่องความเป็นระเบียบ  ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน  นั่นคงเพราะว่าพ่อเป็นทหารพลร่ม  และยังเป็นหัวหน้า  ความเป็นระเบียบจึงยิ่งต้องทวีคูณ  เพราะพ่อมักจะบอกว่า “พับร่มผิดนิดเดียวนั่นหมายถึงชีวิต”

พ่อ…..สอนให้ฉันซ่อมหลอดไฟ  เปลี่ยนฟิวส์ เวลาที่ไฟฟ้าในบ้านดับ  กระทั่งเดินสายไฟ  และแน่นอนความสวยงามต้องมาคู่กันด้วย จะเดินสายไฟแบบบิดเบี้ยวเป็นได้โดนบ่น

พ่อ…..มีตะเกียงแก๊สแบบเก่ามากอยู่ที่บ้าน  สำรองเอาไว้เวลาไฟฟ้าดับ  เพื่อจะได้มีแสงสว่างไว้ต่อสู้ความมืดมน  พ่อมักจะรอบคอบเสมอ

พ่อ…..จะนั่งฟังอย่างยิ้มแย้มเวลาที่ฉันกลับจากโรงเรียนแล้วมาเล่าว่า ได้เป็นหัวหน้าห้องบ้าง  หัวหน้ากลุ่มบ้าง  ได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์  ได้ทำกิจกรรมนู่นนี่  และที่สำคัญพ่อยังคอยนั่งดูเวลาฉันซ้อมเต้น  หรือเวลาที่ฉันลองชุดเชียร์ลีดเดอร์แล้วใส่มาอวดพ่อกับแม่  สวยไม่สวยไม่รู้  แต่พ่อก็ยิ้มแล้วบอกว่า  “เอ้อ…สวยแล้วล่ะ” เอาใจลูกจัง

พ่อ…..ทำให้พวกเรามีกินมีใช้ไม่ได้ขาด  ถึงแม้ไม่ได้ร่ำรวย  ด้วยเงินเดือนของทหาร  พ่อก็ไม่เคยให้ครอบครัวอดอยาก  พ่อสู้และอยู่เพื่อเราทุกคน

พ่อ…..เป็นผู้โดยสารรถโดยมีฉันเป็นคนขับพาไปนั่นมานี่  ฉันเคยพูดกับพ่อว่า “มีแจงก็ดีอย่างนะพ่อ เหมือนได้ทั้งลูกชายแล้วก็ลูกสาวด้วยเลย”  พ่อก็ตอบพร้อมยิ้ม…”อื้มมมม”

พ่อ…..เจ็บป่วยด้วยหลายโรครุมเร้า  ทั้งความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจ และโรคไตวาย จนต้องได้ฟอกไตอาทิตย์ละสองครั้ง

พ่อ…..ยังต่อสู้กับโรค  ต่อสู้กับชีวิตมาอย่างหนักแน่นเข้มแข็ง  และพ่อบอกว่าเสียขา  เสียมือ  หนักกว่านี้ก็ผ่านมาหมดแล้ว  จะเป็นไรไป

พ่อ…..จากไปอย่างสงบ….24 พฤษภาคม 2551 เวลาตีสี่แล้ว  ฝนตกฟ้าคะนอง  ฉันไม่อยู่บ้านเพราะเข้ากรุงเทพไปทำธุระ  แม่วิ่งไปตามญาติมาช่วยเพราะตอนนั้นพ่อบอกว่ายังไหวอยู่  แต่ทว่า…พอคนช่วยมาถึง  พ่อก็หลับไปแล้ว เหมือนคนนอนหลับไปเท่านั้น……ญาติเป็นคนโทร.บอกฉัน ขณะนั้นฉันยังนั่งอยู่บนรถโดยสารมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เสียงปลายสายที่บอกมาระคนไปด้วยเสียงร้องไห้ของแม่อยู่ด้านหลัง  แม่ไม่มีสติแล้ว….

พ่อ…..อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบนั้นอย่างไร้ลมหายใจ  ฉันเดินทางกลับมาถึงบ้านไม่ทันได้ดูใจ  ไม่ทันได้อาบน้ำให้พ่อ  ได้แต่มองดูพ่ออยู่นอกกรอบสี่เหลี่ยมนั้น

พ่อ…..ไปสู่สุขคติภูมิ…ฉันเชื่ออย่างนั้น

ฉัน…..อยากร้องไห้ให้ขาดใจตาย  เพราะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะรับไหว…..แต่ทำไม่ได้หรอกนะ  เพราะความรู้สึกแม่แย่กว่าฉันหลายเท่าพันทวี  ฉันไม่อยากพาลทำให้แม่ต้องเจ็บปวดมากกว่านี้  ฉันต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้แม่ยึดเหนี่ยว  ฉันไม่ร้องไห้ให้แม่เห็นพร่ำเพรื่อ หากแม่เห็นก็จะเห็นว่าฉันร้องไห้น้อยๆ  แต่ฉันแอบไปร้องไห้อย่างหนักในห้องนอน  ไม่ให้แม่รู้  ไม่ให้แม่เห็น  มีเพียงแฟนเท่านั้นที่รู้

ฉัน…..ยังคงระลึกถึงพ่ออยู่เสมอ  บางครั้งเวลาที่ท้อกับชีวิต  ฉันก็จะคิดว่า “พ่อยังสู้เลย”

กราบแทบเท้าพ่อ…..พ่อคือวีรบุรุษของฉัน…..รักพ่อ


ใส่ความเห็น